จเด็จ มีลาภ กุนซือมากประสบการณ์ของทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ออกโรงแสดงความเห็นแบบไม่อ้อมค้อมหลังพาทีมพ่าย ทีมชาติจีน U17 ไปด้วยสกอร์ 0-2 ในการแข่งขัน ยู-17 ชิงแชมป์เอเชีย 2025 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยชี้ชัดว่า “ไทยยังห่างชั้นในเรื่องสภาพร่างกายและความฟิต” พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งปฏิรูปโครงสร้างฟุตบอลเยาวชนทั้งระบบ หากหวังเห็นอนาคตลูกหนังไทยก้าวไปสู่ระดับเอเชียอย่างแท้จริง
หลังจบเกมที่สนามกลางในศึกชิงแชมป์เอเชีย จเด็จ ได้เปิดใจกับสื่อถึงผลงานของลูกทีมที่แม้จะทุ่มเทเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ไทย U17 ยังไม่อาจต้านทานทีมแกร่งจากแดนมังกรได้ โดยเฉพาะความแตกต่างด้าน “ร่างกาย” และ “ฟิตเนส” ซึ่งเป็นจุดที่ทีมชาติไทยตามหลังชาติระดับหัวแถวของเอเชียอย่างเห็นได้ชัด
“ต้องขออภัยแฟนบอลชาวไทยทุกคนกับผลการแข่งขันที่ออกมา” จเด็จเปิดใจด้วยความรู้สึกจริงใจ “ก่อนแข่งเราวางแท็กติกไว้อย่างดี แต่พอลงสนามจริง ต้องยอมรับว่าเด็กเราสู้ไม่ได้ทั้งในเรื่องความแข็งแรง ความฟิต และการต้านทานแรงกดดัน ทำให้แผนที่เตรียมมาทำได้ยากมาก เด็กเราหลายคนมีอาการบาดเจ็บและบางรายเจอปัญหาอาหารเป็นพิษก่อนแข่ง ทำให้ต้องปรับแผนฉุกเฉินทันที”
แม้จะเจออุปสรรคเฉพาะหน้า แต่สิ่งที่กุนซือไทยมองลึกกว่านั้นคือ โครงสร้างฟุตบอลเยาวชนของไทย ซึ่งเขาย้ำว่าเป็นต้นตอของปัญหาที่สะสมมานาน จนทำให้เด็กไทยเสียเปรียบในทุกด้านเมื่อก้าวเข้าสู่เวทีระดับทวีป
“เด็กชุดนี้ได้เรียนรู้ว่าการจะไปถึงระดับเอเชียหรือฟุตบอลโลกได้ ต้องเปลี่ยนตั้งแต่รากฐาน” จเด็จย้ำหนักแน่น “ตอนนี้ชาติชั้นนำในเอเชียมีระบบ สโมสรเยาวชน ที่เข้มข้น มีการฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ต่างจากเรา ที่ยังพึ่งระบบโรงเรียนและแข่งปีละครั้ง ส่งผลให้นักเตะไทยตามหลังทั้งในแง่ร่างกาย ความเร็ว รวมถึงไหวพริบในสนาม”
กุนซือไทยยังระบุอีกว่า เมื่อเจอสถานการณ์กดดันในสนามจริง เด็กไทยมักขาดความมั่นใจ ไม่กล้าพาบอลต่อ ไม่กล้าสร้างเกมอย่างมั่นใจ จึงจบด้วยการเตะทิ้งมากกว่าการเล่นแบบสร้างสรรค์ “เด็กเราเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะเขาไม่ชินกับเกมหนักและการรับมือแรงกดดัน ทำให้ขาดความนิ่งและเลือกเตะทิ้งเพราะกลัวเสียบอล นี่คือจุดที่เราต้องเร่งพัฒนา”
ด้านแผนการเดินทางกลับของทีมชาติไทย U17 หลังจบภารกิจในรอบแบ่งกลุ่ม ศึก ยู-17 ชิงแชมป์เอเชีย 2025 ทีมเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 11 เมษายน 2568 โดยมีกำหนดถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 13.25 น. ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้ทีมงานโค้ชและสมาคมฯ ได้สรุปบทเรียนสำคัญจากทัวร์นาเมนต์นี้และเตรียมแนวทางพัฒนาในอนาคตอย่างเร่งด่วน
นี่ไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ในสนาม แต่คือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า “โครงสร้างฟุตบอลเยาวชนไทย” ต้องถูกยกเครื่องใหม่ทั้งระบบ หากยังฝันจะเห็น “ช้างศึกจูเนียร์” ก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ของโลกในอนาคต
ติดตามข่าวสารลูกหนังเข้มข้นแบบนี้ได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM